ตั้ม-วิสุทธิ พรนิมิต
“จริง ๆ การวาดรูปไม่ถือเป็นงานที่ใฝ่ฝัน เพราะเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ในเมืองไทย” คำกล่าวแรกของหนุ่มตั้ม ซึ่งแรงจูงใจในการวาดการ์ตูนของชายผู้นี้เริ่มต้นมาจากนิสัยรักการอ่าน หนังสือการ์ตูนมาตั้งแต่เด็ก แนวที่อ่านจะเป็นการ์ตูนญี่ปุ่น หรือขายหัวเราะ แล้วค่อย ๆ พัฒนามาเป็นการวาดตามต้นฉบับ วาดเล่น ๆ วาดให้เพื่อนอ่านมาเรื่อย ๆ โดยมิได้ตั้งใจว่าจะมาเป็นนักเขียนการ์ตูนมืออาชีพอย่างทุกวันนี้
จุดเริ่มต้นของเส้นทางการเป็นนักเขียนการ์ตูนนั้น หนุ่มตั้มบอกว่า เริ่มจากการนำผลงานไปนำเสนอให้กับนิตยสาร Katch แห่งค่ายเพลง Bakery Music โดยมีบอย-โกสิยพงศ์ เป็นผู้ตั้งสำนักพิมพ์แห่งนี้ “ผลงานที่นำไปเสนอตอนนั้น ผมทำเป็นเรื่องสั้นหลาย ๆ เรื่อง ถือเป็นผลงานชิ้นแรกที่นำไอเดียไปเสนอคนภายนอกที่ไม่ใช่กลุ่มเพื่อน พอเห็นหนังสือ Katch ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการ์ตูนอยู่ด้วย ก็คิดว่าน่าจะลองเอาผลงานไปทิ้งไว้เผื่อจะได้ลงตีพิมพ์”
จุดเริ่มต้นของเส้นทางการเป็นนักเขียนการ์ตูนนั้น หนุ่มตั้มบอกว่า เริ่มจากการนำผลงานไปนำเสนอให้กับนิตยสาร Katch แห่งค่ายเพลง Bakery Music โดยมีบอย-โกสิยพงศ์ เป็นผู้ตั้งสำนักพิมพ์แห่งนี้ “ผลงานที่นำไปเสนอตอนนั้น ผมทำเป็นเรื่องสั้นหลาย ๆ เรื่อง ถือเป็นผลงานชิ้นแรกที่นำไอเดียไปเสนอคนภายนอกที่ไม่ใช่กลุ่มเพื่อน พอเห็นหนังสือ Katch ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการ์ตูนอยู่ด้วย ก็คิดว่าน่าจะลองเอาผลงานไปทิ้งไว้เผื่อจะได้ลงตีพิมพ์”

นักเขียนการ์ตูนส่วนใหญ่จะเคยผ่านเวทีการประกวดวาดภาพมาบ้าง แต่สำหรับหนุ่มคนนี้กลับไม่ได้ใช้เส้นทางนั้นเลย “เคยมีความคิดที่จะส่งผลงานของตัวเองเข้าประกวดในหลาย ๆ เวที แต่ก็ไม่เคยทำทันสักที จนเลิกความคิดพวกนั้นไป” นั่นเป็นประโยคบอกเล่า ก่อนที่หนุ่มตั้มจะส่งผลงานชิ้นแรกที่วาดขึ้นในสมัยเรียนไปที่นิตยสาร Katch
แต่อาจจะด้วยลายเส้นที่สร้างสรรค์มากับมือ หรือจะเป็นเพราะโชคช่วยก็ตามที แต่ผลงานของเขาก็ได้ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Katch และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการทำงานเป็นนักเขียนการ์ตูน
“ผลงานได้ลงตีพิมพ์ในนิตยสาร Katch เป็นเล่มแรก จากนั้นก็ได้ตีพิมพ์ลงใน Manga Katch ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์เดียวกัน มีผลงานออกไปได้ประมาณ 2 ปี ก็มีนิตยสารชื่อดังอย่าง Aday ติดต่อเข้ามา แล้วก็เขียนให้ Aday มาตลอด รวมระยะเวลาในการทำงานให้กับนิตยสารในประเทศไทยประมาณ 5 ปี
หลัง ๆ เริ่มมีความคิดที่จะลองไปค้นหาตัวเองที่ประเทศญี่ปุ่นดู ตอนเรียนจบใหม่ ๆ คิดว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศที่ไหนสักแห่ง ก็มานั่งคิดว่าจะเรียนอะไรดี เพราะเป็นคนเรียนไม่เก่ง ถ้าเรียนต่อด้านการวาดการ์ตูนก็สอบตกอยู่ดี เพราะเป็นคนที่มีความคิดไม่เหมือนกับอาจารย์ตลอด สรุปว่าไม่ต้องไปเรียนอะไรเลย เรียนแค่ภาษาก็พอ แค่ใช้ชีวิตและสื่อสารกับผู้คนได้เป็น พอ
ใช้ชีวิตและทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่นประมาณ 3 ปี เรียนภาษาปีครึ่ง ช่วงนั้นมีงานเข้ามาให้ทำเรื่อย ๆ เพราะเอาผลงานที่เคยทำในเมืองไทยทั้งหมดซึ่งมีการ์ตูน 10 เล่ม เอามาแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น และทำ Animation ใส่ Subtitle ภาษาญี่ปุ่น แล้วจัดงานแสดงการ์ตูนตามร้านอาหาร ที่เปิดให้คนมาเช่าพื้นที่เพื่อโชว์ผลงานโดยเฉพาะ
ช่วงแรกฉาย Animation พร้อมกับแจกใบปลิวไปด้วยเผื่อคนที่สนใจจะแวะเข้ามาดูงานและให้กำลังใจเรา ซึ่งผลตอบรับค่อนข้างดี อาจเป็นเพราะงานที่จัดแสดงไม่ได้ใหญ่โตอะไร จัดในร้านเล็ก ๆ มีคนดูประมาณ 60-70 คน เก็บค่าเข้าชมคนละประมาณ 500 บาท
ขณะเดียวกันก็พยายามเอาผลงานที่มีอยู่มาแปลแล้วพิมพ์เอง วางหน้าเคาน์เตอร์เวลามีโชว์ผลงาน เผื่อคนเดินผ่านไปผ่านมาสนใจแวะมาเปิดอ่านดู แล้วซื้อไปคนละเล่ม สองเล่ม ขายเล่มละ 300 บาท พิมพ์เองเลยพอจะได้กำไรอยู่บ้าง”
การค้นหาตัวตนของหนุ่มตั้มในระยะเวลา 3 ปีที่ญี่ปุ่น หล่อหลอมให้ฝีมือและสไตล์ในการสร้างสรรค์งานมีความชัดเจนเพิ่มขึ้น “สิ่งที่ทำให้คิดได้คือ งานที่ดีจะออกมาจากสังคมที่อยู่ ออกมาจากชีวิตที่เราอยู่ แม้ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ผลงานต้องออกมาเป็นการเล่าเรื่องจากยุคสมัยนั้น สิ่งแวดล้อมที่อยู่ตรงนั้น นิสัยจริง ๆ ที่เป็นอยู่ตอนนั้น หรือแนวความคิดที่มีต่อสังคมต่อชีวิตในเวลานั้น
ถ้าเรานำเสนอออกมาตรง ๆ จะทำให้เนื้อหามีความน่าสนใจยิ่งขึ้น พอคนได้อ่านจะรับรู้ประสบการณ์และเริ่มมีการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน งานของผมที่ทำส่วนใหญ่จะเป็นงานวาดภาพประกอบคอลัมน์ต่าง ๆ ในนิตยสาร เช่น วาดปกนิตยสาร พอรู้ตัวว่างานที่ดีต้องออกมาจากสังคมที่ดี ก็มีความคิดอยากจะกลับเมืองไทย”
ไอเดียในการสร้างสรรค์งานการ์ตูนของผู้ชายคนนี้ ส่วนใหญ่จะได้มาจากการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป “ต้องบอกว่ามันเหมือนกับประสบการณ์ที่มีอยู่ในตัว พอไปชนกับเหตุการณ์ข้างนอกจะเกิดข้อความบางอย่างขึ้นมา แต่จะมีกระบวนการคิดที่แตกต่างและมากกว่าคนทั่วไป ทำให้เกิดไอเดีย หรือข้อความต่าง ๆ ปรากฏขึ้นมา
พอมีไอเดียหลาย ๆ ก้อนมาปะทะกันก็จะเกิดเป็น Story และเกิดการเปรียบเทียบที่มีรสชาติขึ้นมา จากนั้นจะใช้การสังเกตและรวบรวมนำมาให้ผู้อ่านได้อ่านกันอย่างจุใจ ฉะนั้น เวลาคิดไอเดียจะมีเข้ามาในสมองตลอดเวลา แต่เรื่องพวกนี้ต้องใช้เวลาและประสบการณ์ตลอดทั้งชีวิต เพราะเป็นสิ่งที่จะถับถมกันจนกลายเป็นความรู้ของตัวเอง แต่เวลาจะใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในหัวนำออกมาทำงานนั้นจะใช้เวลาเพียงนิดเดียว
ผมไม่ใช่คนวาดรูปสวยมาก แค่วาดพอที่จะสื่อสารให้คนอ่านรู้เรื่องได้ บางทีถ้าวาดในเรื่องที่ละเอียดมาก ๆ ต้องทำวันละหน้า นั่นคืออย่างช้าสุด แต่ถ้าเร็วสุดจะวาดได้วันละ 20 หน้า แต่วันละ 20 ไม่ใช่ว่า 2 วันจะได้ 40 หน้า วันต่อมาอาจจะเหนื่อยและขี้เกียจ กลายเป็นไม่ทำอะไรเลย ขึ้นอยู่กับอารมณ์ในตอนนั้น”
สไตล์การวาดภาพของหนุ่มตั้มล้วนเป็นที่น่าสนใจและนิยมชมชอบของเหล่าบรรดา สาวกการ์ตูนเป็นอย่างมาก และเรื่องแรกที่สร้างความฮือฮามากก็คือ he she it (ฮีชีอิท) เพราะเป็นผลงานที่บ่งบอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของผู้เขียน เพื่อต้องการสะท้อนตัวตนออกมาให้ได้มากที่สุด จึงทำให้มีลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และสร้างชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักใน การ์ตูนชุดนี้
“การ์ตูนชุดนี้เป็นการวาดขึ้นมาก่อนที่จะเป็นนักวาดการ์ตูนมืออาชีพ จึงอยากคงความเป็นต้นฉบับที่ต้องการจะเขียนไว้อ่านเอง เลยไม่มีการลบหรือแก้ไขในสิ่งที่วาดผิดพลาดใด ๆ ทั้งสิ้น อยากรู้ว่าตอนนั้นเขียนอะไรไว้บ้าง สิ่งสำคัญคือ อยากบันทึกช่วงเวลานั้นไว้ทั้งหมด ว่าตอนนั้นเป็นคนอย่างไร วาดรูปได้แค่ไหน คิดอะไร เขียนอะไรผิดไปบ้าง
ทั้งหมดที่ทำไปคือการบันทึกเท่านั้นเอง จะสนุกหรือไม่นั้นไม่ได้คิดเลย เขียนเพื่อว่ากลับมาอ่านอีก 10 ปีข้างหน้าจะนึกออกเลยว่าเคยเป็นคนอย่างไร นี่คือ he she it แต่พอต้องมารับงานที่มีนายจ้างเป็นตัวกำหนดชิ้นงาน ซึ่งไม่ใช่ตัวเราสั่ง บางครั้งก็ต้องลด Ego ของตัวเองลงมาบ้าง ต้องเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับคนอื่น เพราะตอนนี้ไม่ได้ทำงานตามใจชอบแล้ว
มีหลักการที่ต้องมานั่งคุยกันแล้วตกลงคนละครึ่งทาง คือทางผู้จ้างต้องรู้อยู่แล้วว่าผู้วาดมีพื้นฐานอย่างไร และวาดการ์ตูนแนวไหน ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากในการจูนเข้าหากัน และไม่ทำให้เกิดปัญหาระหว่างการว่าจ้างในการวาดภาพงานต่าง ๆ นี่คือหลักง่าย ๆ ที่ใช้อยู่ในชีวิตการทำงาน”
เมื่อถามถึงแผนงานในอนาคต ศิลปินคิดต่างคนนี้บอกว่า “เป็นคนที่ไม่เคยวางแผนอะไรในชีวิต และไม่มีแผนด้วย ตอนนี้ใครจ้างอะไรมาก็ทำ ถ้าวันหนึ่งไม่มีใครจ้างแล้วถึงจะเริ่มคิดงานของตัวเอง และจะทำให้มีคนกลับมาจ้างอีกครั้ง เพราะคิดว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีงานก็ไม่เป็นไร หาอาชีพอื่นทำก็ได้ แต่ส่วนตัวคิดว่างานเขียนการ์ตูนยังอยู่ได้อีกนาน เหมือนแรงที่เหวี่ยงออกไปยังไงคนก็ยังคงตอบกลับมา ปัจจัยอีกอย่างที่ทำให้การ์ตูนไม่มีวันตาย คือ ช่องทางในการสื่อสารจากการ์ตูนมีเยอะมาก สามารถนำไปสอดแทรกได้ในสื่อต่าง ๆ”
ต่อคำถามที่ว่า จำเป็นหรือไม่ว่าต้องเรียนด้านการวาดรูปมา จึงจะเป็นนักวาดภาพการ์ตูนมืออาชีพได้ หนุ่มตั้มบอกว่า “ไม่จำเป็นต้องเรียนมา แต่ควรจะมีพื้นฐานอยู่บ้าง แต่ก่อนผมวาดรูปแย่มาก มีแต่คนด่าว่าวาดไม่สวย วาดอะไรดูไม่รู้เรื่อง แต่จำไว้เลยว่าการวาดการ์ตูนจะไม่มีวันแย่ลง ถ้าเราฝึกฝนวาดอยู่บ่อยๆ ขึ้นอยู่กับความขยัน
ไม่เหมือนเรื่องของจิตใจที่ตอนแรกเป็นคนดีอยู่ แต่ถูกชักนำกลายเป็นคนชั่วไปได้ แต่การวาดรูปนั้น วาดอย่างไรก็เก่งขึ้น เพราะเป็นเรื่องของทักษะและประสบการณ์ ที่สำคัญต้องมีวงเล็บที่น่าสนใจด้วย เพื่อที่จะสื่อสารกับคนอ่านได้เข้าใจมากขึ้น บวกกับวิธีการที่นักวาดการ์ตูนแต่ละคนพยายามถ่ายถอดข้อความเหล่านั้นออกมา ได้อย่างชัดเจน เพียงเท่านี้ผลงานของคุณก็จะประสบความสำเร็จ”
ใครที่เป็นแฟนผลงานของนักเขียนการ์ตูนคนนี้ สามารถติดตามได้ในนิตยสาร Aday เรื่อง “he she it” เป็นประจำทุกเดือน โดยมีตัวการ์ตูนเด่นที่ชื่อ “เด็กหญิงมะม่วง” เป็นคาเรกเตอร์หลัก ปัจจุบันตีพิมพ์ออกมาแล้ว 11 เล่ม แต่ถ้าใครชื่นชอบโลกอินเทอร์เน็ตก็สามารถเข้าไปดูผลงาน Animation ฝีมือของหนุ่มคนนี้ได้

ล่าสุดสำหรับผลงานหนังสือการ์ตูนเรื่อง “ชิงช้า” ที่วางจำหน่ายแล้วที่ประเทศญี่ปุ่น สำหรับในประเทศไทยสาวกการ์ตูนสามารถหาอ่านได้เป็นประจำที่นิตยสาร Mud ของสำนักพิมพ์ใต้ฝุ่น และอีกผลงานที่ตีพิมพ์และจำหน่ายอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นคือ การ์ตูนเรื่อง Ikki , Everybody everything ควันใต้หมวก
ก่อนจบการสนทนาหนุ่มตั้ม ฝากข้อคิดทิ้งท้ายไว้ว่า “คนเราต้องรู้จักหลีกเลี่ยง ถ้านี่คือกำแพง ตัวเราอยู่หลังกำแพงด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งคือนักเขียนที่รวยแล้ว แล้วเราจะเดินทะลุกำแพงไปอีกฝั่ง มันก็เป็นไปไม่ได้ บางครั้งต้องยอมรับความจริงว่าเราข้ามไปไม่ได้ แต่ถ้าเราขี้เกียจทุบกำแพง ก็หาทางอื่นเดินอ้อมไปยังอีกฝาก โดยที่เราไม่เจ็บตัวดีกว่า แค่เปลี่ยนจุดหมายแต่ก็สามารถข้ามไปฝั่งได้เหมือนกัน”
ขอขอบคุณร้านวู้ดสต๊อค ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ผู้สนใจสามารถแวะไปชิมไปชมบรรยากาศได้ทุกวัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.woodstockbangkok.net หรือโทร.08-9448-0091
http://www.ejobeasy.com/jobnewstudetailcarrer.php?n=100823145610
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น