ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สัมภาษณ์อย่างไร ให้ได้งานทำ

เมื่อ จบขั้นตอนการส่งใบสมัครแล้ว ทางบริษัทก็จะเรียกคุณเข้าสัมภาษณ์งาน เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงตื่นเต้นกับขั้นตอนนี้ เพราะไม่รู้ว่าจะเจอผู้สัมภาษณ์แบบใด คำถามแบบไหน จะตอบถูกใจไหม เขาจะรับเราเข้าทำงานหรือเปล่า

  

    เมื่อจบขั้นตอนการส่งใบสมัครแล้ว ทางบริษัทก็จะเรียกคุณเข้าสัมภาษณ์งาน เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงตื่นเต้นกับขั้นตอนนี้ เพราะไม่รู้ว่าจะเจอผู้สัมภาษณ์แบบใด คำถามแบบไหน จะตอบถูกใจไหม เขาจะรับเราเข้าทำงานหรือเปล่า
    คำถามเหล่านี้คงอยู่ในความคิดของหลาย ๆ คน เพื่อให้ชาวแฟนคลับคอลัมน์ของผมได้เตรียมตัวกับคำถามสุดหินและได้เป็นผู้ สมัครขั้นเทพ ผมจึงนำเทคนิคการสัมภาษณ์มาให้อ่านกันครับ
คำถามยอดฮิตมีดังนี้
    1.ลองเล่าเกี่ยวกับตัวคุณมาสักหน่อย (Tell me about yourself)?
    2.จุดแข็งและจุดด้อยของคุณ (Your strength/weakness)?
    3.ทำไมคุณถึงสนใจงานนี้ (Why are you interested in working with us)?
    4.ทำไมคุณถึงสมัครงานในตำแหน่งนี้ (Why do you apply in this position)?
    5.คุณคิดว่าจะให้อะไรกับบริษัทนี้ได้บ้าง (What can you contribute to the company)?
    (คำถามมีมากกว่านี้ แต่ในฉบับนี้ขอยกมาเพียง 5 คำถาม)
    หลักในการตอบคำถามสัมภาษณ์ ควรตอบให้ตรงประเด็น กระชับ ได้ใจความ มีความคิดสร้างสรรค์รวมถึงยกตัวอย่างเพื่อให้คำตอบชัดเจนยิ่งขึ้น ที่สำคัญข้อมูลต้องถูกต้องและเป็นความจริง
    ซึ่งโดยทั่วไปการสัมภาษณ์ส่วนใหญ่จะใช้เวลาตั้งแต่ 20 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และตำแหน่งงานของผู้สมัคร นอกจากการเตรียมตัวตอบคำถาม ควรให้ความสำคัญเรื่องการแต่งกายและความตรงต่อเวลาด้วย
    วิธีการตอบคำถามมีดังนี้
    1.ช่วยเล่าเกี่ยวกับตัวคุณให้เราฟัง
    สิ่งที่ควรทำ คือ ใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีสั้น ๆ แบบกระชับได้ใจความ บอกเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้ รวมถึงยกตัวอย่างให้ฟังเพื่อช่วยอธิบายและเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเรา เช่น "หลังจากเรียนจบด้านบัญชีและทำงานที่บริษัทตรวจสอบบัญชีมา 5 ปี ทำให้เป็นคนทำงานเร็วและละเอียดรอบคอบ เพราะการตรวจสอบบัญชีแต่ละครั้งมีระยะเวลากำหนดชัดเจนว่ากี่วันหรือกี่ สัปดาห์
    ทั้งยังฝึกความเป็นผู้นำ เพราะต้องดูแลน้องในทีมที่ออกตรวจงานด้วยกัน รวมถึงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี สิ่งเหล่านี้ทำให้ดิฉันได้รับมอบหมายดูแลงานโปรเจกต์ใหญ่ ๆ อยู่เสมอ"
     สิ่งที่ไม่ควรทำ คือ การเล่าทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเอง ตั้งแต่จบประถม มัธยม เข้ามหาวิทยาลัย จนทำงาน แต่ไม่มีจุดเด่นอะไรเพียงพอที่จะทำให้ผู้สัมภาษณ์รู้สึกสนใจในตัวคุณ
    2.ทำไมคุณถึงคิดว่าเหมาะกับงานนี้
     สิ่งที่ควรทำ คือ โอกาสมาถึงแล้ว อย่ากลัวที่จะพูด อาจจะเริ่มจากประสบการณ์และความสามารถที่เคยผ่านมา อันเป็นสาเหตุทำให้คุณเหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้ แล้วต่อด้วยเหตุผล ตัวอย่าง กรณีศึกษา สิ่งที่เป็นจุดเด่นและแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่น
    กรณีที่เพิ่งจบการศึกษาหมาด ๆ ถ้าสมัยเรียนทำกิจกรรมมาเยอะ เช่น ออกค่าย ฝึกงาน โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน ฯลฯ อย่าลังเลที่จะบอกเล่าว่ากิจกรรมเหล่านั้นทำให้ตัวเองเป็นคนที่เข้ากับคน อื่นง่าย รู้จักปรับตัว ยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น และเรียนรู้เร็ว เป็นต้น
    หากตกที่นั่งเด็กเรียน ไม่ค่อยสนใจกิจกรรม ให้ตอบว่าเป็นคนที่ทุ่มเทกับเรื่องที่ได้รับผิดชอบ เช่น เรื่องเรียนหรือรายงานกลุ่ม อาจยกเกรดเฉลี่ยเลขสวย ๆ มาเป็นตัวอย่าง หรือวิธีการเลือกวิชาเรียน ที่แสดงให้เห็นว่ามีการเตรียมตัว วางแผนการเรียนมาเป็นอย่างดี
       สิ่งที่ไม่ควรทำ คือ การตอบคำถามสั้น ๆ เช่น "ด้วยประสบการณ์ทำงาน 2 ปีที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าสามารถทำงานนี้ได้" แล้วจบทันที ในกรณีนี้ คุณอาจจบเห่ เพราะไม่มีเหตุผลและตัวอย่างที่จะทำให้ผู้สัมภาษณ์เชื่อและมั่นใจในตัวคุณ
    3.ตามความเข้าใจของคุณ คิดว่าตำแหน่งนี้ต้องรับผิดชอบงานอะไรบ้าง
    สิ่งที่ควรทำ คือ ทำการบ้านก่อนมาสัมภาษณ์ด้วยการอ่านรายละเอียดของงานและคุณสมบัติของผู้ สมัครที่ทางบริษัทต้องการ ทำความเข้าใจกับมัน ตอบให้สั้นและกระชับใจความ
    สิ่งสำคัญก่อนตอบต้องมั่นใจว่าเข้าใจ ถ้าไม่แน่ใจส่วนไหนไม่ต้องกลัวที่จะถาม อาจตั้งคำถามกลับในทำนองว่า เข้าใจตำแหน่งงาน แต่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับข้อมูลกลุ่มลูกค้าและผลิตภัณฑ์มากนัก อยากให้ช่วยอธิบายให้เข้าใจในเบื้องต้น
    สิ่งที่ไม่ควรทำ คือ ถ้าไม่รู้อย่าพยายามตอบ เพราะถ้าตอบผิด นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้ทำการบ้านมา ไม่ได้ให้ความสนใจกับงานนี้ แถมยังมั่วอีกต่างหาก
    4.คุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเราบ้าง
     สิ่งที่ควรทำ คือ ก่อนมาสัมภาษณ์งาน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทราบและเข้าใจข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับองค์กรที่สมัคร เช่น ผลิตภัณฑ์ กลุ่มลูกค้า คู่แข่ง ภาพลักษณ์องค์กร ที่มาและประวัติขององค์กร ฯลฯ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า คุณได้ทำการบ้านมา และให้ความสนใจกับองค์กรอย่างแท้จริง
    อย่าลืมย้ำตอนท้ายด้วยว่า หลังจากที่ศึกษาเกี่ยวกับองค์กร ทำให้เรามีความสนใจที่อยากจะทราบเกี่ยวกับองค์กรเพิ่มเติม
     สิ่งที่ไม่ควรทำ คือ การตอบแบบมั่นใจในตัวเองจนเกินไป หรือคำตอบที่สร้างภาพพจน์ไม่ดีให้กับตัวเอง เช่น "ทราบมาว่าที่นี่กำลังขาดผู้จัดการฝ่ายการตลาด ด้วยประสบการณ์งาน 3 ปีในด้านนี้ ทำให้คิดว่าสามารถแก้ปัญหานี้ได้" คำตอบอย่างนี้นอกจากไม่สร้างทัศนคติที่ดีขององค์กรให้กับตัวเองแล้ว ยังเป็นการโอ้อวดตัวเองเกินไป
    5.อะไรคือจุดมุ่งหมายระยะยาวในการทำงานของคุณ
     สิ่งที่ควรทำ คือ พูดถึงสิ่งที่อยากทำในอนาคต และต้องบอกวิธีที่จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ ซึ่งควรจะเกี่ยวข้องกับงานที่สัมภาษณ์อยู่ เช่น อีก 5 ปีข้างหน้าอยากเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดที่เต็มไปด้วยศักยภาพและความสามารถ ในการพัฒนาพนักงานและองค์กรให้มีประสิทธิภาพ
    การที่จะถึงจุดนั้นได้ต้องมีการเตรียมตัวเป็นอย่างดี เช่น การได้มีโอกาสทำงานที่บริษัทนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งในการเตรียมตัวสำหรับอนาคต และอาจเพิ่มเติมตัวอย่าง เช่น วิธีการทำงานของตน เป็นต้น
       สิ่งที่ไม่ควรทำ คือ การตอบในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่สมัครอยู่ (ถึงแม้จะเป็นความจริง) เพราะไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ เช่น อยากเปิดร้านอาหารในอีก 10 ปีข้างหน้า ถ้าตอบเช่นนั้น อาจโดนถามต่อว่าแล้วมาสมัครงานที่นี่ทำไม
    จะเห็นได้ว่า คำถามสั้น ๆ แต่ละคำถามนั้น สามารถบ่งบอกถึงตัวตนของคุณและความกระตือรือร้นที่จะทำงาน ซึ่งคำถามเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้สมัครงานทุกคน ผมหวังว่าแนวทางการตอบคำถามข้างต้นจะช่วยให้ทุกท่านเป็นนักตอบคำถามการ สัมภาษณ์งานที่ดีได้นะครับ
   

    คำถาม...ที่มักพบในการสัมภาษณ์งาน   

พูดถึงเทคนิคการสัมภาษณ์งานกันแล้ว ตอนนี้ มาถึง คำถาม ที่คุณจะพบบ่อย ๆ ในการสัมภาษณ์งานกันบ้าง เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับทุกคน

    -ถ้าได้งานนี้ คุณคิดว่าจะทำงานที่นี่นานเท่าไหร่
    -อะไรคือจุดอ่อนของคุณ
    -ทำไมคุณถึงลาออกจากงานเก่า
    -อะไรคือสิ่งที่คุณชอบและไม่ชอบในงานเก่า (หรืองานที่กำลังทำอยู่)
    -อะไรคือสิ่งที่คุณประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต
    คำถามที่เหลือนี้สังเกตได้ว่า มักจะเป็นคำถามที่ถามโดยมีจุดประสงค์ เพื่อจะพิจารณาว่าคุณจะสามารถทำประโยชน์ให้กับบริษัทได้หรือไม่ คุ้มไหมที่จะจ้างคุณให้เข้าทำงานในอัตราค่าจ้างตามที่คุณร้องขอ
    ซึ่งคุณก็ไม่ต้องตกใจไปนะครับ เพราะหากคุณมั่นใจว่า คุณเข้ามาสัมภาษณ์งานที่ที่คุณต้องการอยากเข้าทำงานนั้นจริง ๆ ไม่ใช่เพราะว่า เห็นว่างอยู่เลยเข้ามาสัมภาษณ์ไปงั้น ๆ คำตอบของคุณจะมาจากความมั่นใจที่คุณอยากเข้าทำงานนั้น และคำตอบของคุณจะโดนใจคณะกรรมการแน่นอนครับ
    อย่างไรก็ตาม  ผมขอเสนอแนะแนวทางคำตอบให้กับคุณสักหน่อย เผื่อว่าความมั่นใจของคุณจะบวกกับความมีเหตุมีผลที่ผมเสนอไป จะทำให้การให้สัมภาษณ์ของคุณราบรื่นมากขึ้นครับ เอาละ.. มาดูวิธีการกันครับ
    ถ้าได้งานนี้ คุณคิดว่าจะทำงานที่นี่นานเท่าไหร่
    สิ่งที่ควรทำ คือ ให้มุ่งประเด็นไปที่ความทุ่มเทของตัวเองและความท้าทายของงาน ด้วยการบอกว่าตราบใดที่งานมีความยากและท้าทาย ก็จะขอจะทุ่มเทความสามารถของตัวเองให้เต็มที่เพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้กับ องค์กร
    สิ่งที่ไม่ควรทำ คือ บอกแผนการหรือระยะเวลา (ซึ่งเป็นความจริง) เช่น มีแผนไปเรียนต่ออีก 2-3 ปีข้างหน้า หรือทางบ้านมีแผนให้ไปช่วยธุรกิจที่บ้าน
    อะไรคือจุดอ่อนของคุณ
    สิ่งที่ควรทำ คือ ควรเลือกจุดอ่อนที่เป็นความจริงและกำลังปรับปรุงหรือพัฒนาในขณะนี้ ที่สำคัญควรบอกผลลัพธ์หลังการปรับปรุงด้วย เช่น ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ซึ่งตอนนี้กำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ เรียนมานานเท่าไหร่ ที่ไหน และผลการเรียนเป็นอย่างไรบ้าง
   สิ่งที่ไม่ควรทำ คือ มีหลายคนเคยบอกว่าให้เปลี่ยนจุดแข็งให้เป็นจุดอ่อน เช่น เป็นคนทำงานหนักมาก ๆ ไม่เสร็จไม่กลับ อาจจะฟังดูดี แต่คุณกำลังทำลายตัวเอง เพราะปัจจุบันนี้การรู้จักจัดสรรเวลา (work life balance) เป็นประเด็นสำคัญของคุณภาพชีวิต อีกอย่างคุณกำลังโกหกเพื่อให้ดูดี แถมตอบผิดประเด็นอีกต่างหาก
    ทำไมคุณถึงลาออกจากงานเก่า
    สิ่งที่ควรทำ คือ ตอบความจริงให้มากที่สุด แต่สั้นกระชับใจความ ไม่จำเป็นต้องตอบทั้งหมดถ้าความจริงมันเลวร้ายเหลือเกิน อย่าลืมว่าผู้สัมภาษณ์อาจขออนุญาตติดต่อบุคคลอ้างอิงเพื่อทำการตรวจสอบ ข้อมูลเหล่านั้น
    สิ่งที่ไม่ควร คือ ควรหลีกเลี่ยงการวิจารณ์ที่ทำงานและนายเก่า เพราะเหล่านี้จะทำให้ภาพลักษณ์ของคุณดูแย่ และนั่นหมายถึงความกล้าที่จะวิจารณ์บริษัทต่อ ๆ ไปที่คุณร่วมงานด้วย
    อะไรคือสิ่งที่คุณชอบและไม่ชอบในงานเก่า (หรืองานที่กำลังทำอยู่)
    สิ่งที่ควรทำ คือ ควรบอกสิ่งที่ชอบมากกว่าสิ่งที่ไม่ชอบ และให้คำอธิบายรวมถึงเหตุผลว่าทำไมเราจึงคิด
    สิ่งที่ไม่ควรทำ คือ บอกในสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานหรืออ้างอิงถึงบุคคล เพราะนั่นหมายถึงคุณกำลังวิจารณ์คนอื่น ไม่จำเป็นต้องเล่าทุกอย่างที่แย่ ๆ เกี่ยวกับงาน เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา
    อะไรคือสิ่งที่คุณประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต
    สิ่งที่ควรทำ  คือ ควรจะเป็นเรื่องที่รู้สึกภูมิใจที่สุดในช่วง 1-2 ปีของการทำงาน คุณอาจพูดถึงการเลื่อนขั้น ปรับตำแหน่งในการทำงาน หรือตลอดระยะเวลาที่ทำงานมามีแต่ความราบรื่นไม่เคยมีปัญหากับลูกค้า
    หากคุณมีความสำเร็จชัดเจน เช่น สามารถทำยอดการขายได้ทะลุเป้า 200% หรือสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ 25% ให้เล่าที่มาของเรื่องนั้น วิธี แนวดำเนินการ ผลลัพธ์ ตลอดจนอุปสรรคที่เกิดขึ้น รวมถึงวิธีการแก้ปัญหา ถ้าเป็นผู้สมัครที่เพิ่งจบการศึกษาหมาด ๆ อาจจะพูดถึงเกรดเฉลี่ย หรือความภาคภูมิใจที่สามารถสอบเข้ามหาลัยที่มีชื่อเสียงได้
     สิ่งที่ไม่ควรทำ คือ การแต่งเรื่องขึ้นเองหรือพูดเกินจริงกว่าสิ่งที่ได้ทำ ส่งผลให้วิธีการเล่าแตกต่างไป ซึ่งผู้สัมภาษณ์ที่มีความเชี่ยวชาญ จะสามารถตั้งคำถามต้อนจนจับได้ว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น
    จบเพียงเท่านี้นะครับ สำหรับคำถามที่มักจะพบบ่อยในการสัมภาษณ์งาน ซึ่งในแต่ละที่อาจมีคำถามนอกเหนือจากคำถามที่ผมยกตัวอย่างมา แต่ผมก็เชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านจะสามารถตอบคำถามได้อย่างราบรื่น เพราะได้รับแนวคิดในการตอบคำถามไปบ้างแล้วนะครับ
    หากใครได้งานแล้วและได้ใช้เทคนิคที่ผมได้แนะนำไป ก็เขียนจดหมายหรือส่งเมล์ติชมคอลัมน์ของผมได้นะครับ ผมยินดีรับทุกคำแนะนำ สำหรับฉบับนี้ขอจบเพียงเท่านี้ก่อน ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามคอลัมน์ของผม สวัสดีครับ
http://www.ejobeasy.com/kmdetail.php?n=100817101426

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น