ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Yes!! R&B Karaoke ของ ตัน ภาสกรนที





 
 เน้นให้ความสำคัญเรื่องของบรรยากาศ เทคโนโลยี อาหาร และเครื่องดื่ม 
การนำไอเดียการตกแต่งผสมผสานให้เข้ากับสถาปัตยกรรมของอาคารดั้งเดิม 
ไอเดียที่ใช้ตกแต่งทุกห้องมาจากการรีไซเคิล การนำวัสดุเหลือใช้มาประยุกต์ให้เข้ากับไอเดีย
การออกแบบ โดยมีบรรดาพี่น้องผองเพื่อนมากมายหลายอาชีพมาช่วยกันออกแบบตกแต่งแต่ละห้อง
อาทิ ห้องวินมอเตอร์ไซค์ โดยคุณตันเก็ทไอเดียมาจากมอเตอร์ไซค์คู่ยากเมื่อ 20
คุณปลา-อัจฉรา บุรารักษ์ ตกแต่งห้องอัจฉราบาร์เบอร์ให้เป็นร้านตัดผมสุดคลาสสิก
น้องกิ๊ฟ-ภาสกรนที ตกแต่งห้อง ศอช. และคุณโน้ส-อุดม แต้พานิช 
มาตกแต่ง Prison Break (ห้องขัง) เพิ่มอารมณ์ความแตกต่างให้ได้มันส์กันอย่างต่อเนื่อง

          











ด้วยไอเดียการตกแต่งและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่นำมาใช้ ทำให้ Yes!! 
มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำใคร มีห้องคาราโอเกะให้บริการถึง 30 รูปแบบ 
แบ่งเป็น 3 ขนาด ไซซ์ S รับรองได้ 6 คน ไซซ์ M รับรองลูกค้าได้ 10 คน 
ไวด์ L รับรองลูกค้าได้ 14 คน และบิ๊กไซซ์ใหญ่สุด XL รับรองลูกค้าได้ถึง 20 คน 
ในอัตราค่าบริการแบบบุฟเฟ่ต์ราคาท่านละ 399 บาท ในเวลา 17.30-21.00 น.
หลังจาก 21.00 -01.00 น. อัตราค่าห้องคิดเป็นรายชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 400-1,200 บาท 
(ขึ้นอยู่กับขนาดห้อง) ส่วนอาหาร เครื่องดื่ม บริการตามเมนู
ใครที่หลงใหลในการร้องเพลง
ก็อย่าลืมหาเวลาว่างชวนเพื่อน ๆ ไปดวลไมค์ดวลมุขกันได้ที่
Yes!! R&B Karaoke ณ โครงการ อารีน่า 10  
ทองหล่อ ซอย 10 ตั้งแต่เวลา 17.30-01.00 น.
ร้านเปิดทุกวันจันทร์-อาทิตย์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 0-2675-4224
 




 


SUKOSOL’S FAMILY นักธุรกิจอารมณ์ศิลปิน

SUKOSOL’S FAMILY นักธุรกิจอารมณ์ศิลปิน
Bookmark and Share
‘Unconditional Love’ คงเป็นคำจำกัดความที่ดูลงตัวที่สุดสำหรับสมาชิกของครอบครัว ‘สุโกศล’ เจ้าของโรงแรมในเครือสยามซิตี้ ผู้หญิงแกร่งอย่างคุณ กมลา สุโกศล ที่ดูเหมือนเป็นหัวเรือใหญ่ในการนำทีมลูกๆ ทุกคนบริหารธุรกิจของครอบครัว

  
          หากจะถามถึงความสามารถเฉพาะตัวของสมาชิกในครอบครัวนี้  การเติบโตของโรงแรมในเครือสยามซิตี้ น่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด ว่าแต่ละคนมีความสามารถขนาดไหน เริ่มต้นที่คุณ กมลา สุโกศล คุณแม่คนเก่ง ความสามารถและความเข็มแข็งบวกกับประสบการณ์ที่คว่ำหวอดในวงการธุรกิจมาหลาย สิบปีทำให้เธอเป็นเสาหลักที่จะพาลูกๆ ทุกคนสามารดูแลธุรกิจการในครอบครัวได้          ความแตกต่างของแต่ละคน ไม่ได้สร้างความแตกแยกให้กับการบริหารงานแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามความสามารถเหล่านั้นกลับถูกนำมาใช้อย่างถูกที่ถูกทางและถูก เวลา  คุณมาริสา สุโกศล หนุนภักดี ลูกสาวคนโตดูแลในเรื่องของการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานอื่น การประชาสัมพันธ์สร้างชื่อเสียงให้กับโรงแรม คุณสุกี้  กมล สุโกศล แคลปป์ ลูกชายคนรอง อดีตผู้บริหารค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ เบอเกอรี่มิวสิค ดูแลในเรื่องของไอเดียต่างๆ ที่มักจะมีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอสำหรับธุรกิจ ลูกชายคนอีกคน คุณน้อย กฤษดา สุโกศล แคปป์  หรือ ‘น้อย วงพรู’ ที่เรารู้จักกันดีในมาดของนักร้องหนุ่มอารมณ์ Artist ในฐานะผู้บริหารก็สามารถทำได้ดีไม่แพ้ไปกว่าการร้องเพลง และน้องนุชสุดท้องของครอบครัวนี้ ก็คือ คุณดารณี สุโกศล แคลปป์ ซึ่งเธอจะทำหน้าที่ในการดูแลเรื่องงบประมาณทั้งหมดของบริษัท การวางแผนการตลาดต่างๆ ความสามารถของเธอไม่ได้เล็กไปตามความเป็นลูกคนเล็กของครอบครัวเลยสักนิด
          ความ แตกต่างที่สร้างความเติบโตให้กับธุรกิจของครอบครัว สุขโกศล ของเป็นข้อการันตีได้แล้วว่า ความแตกต่างไม่ได้สร้างความแปลกแยกได้อย่างเดียว แต่มันยังสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ มากมายให้เกิดขึ้นในทางที่ดีหากเรานำความแตกต่างนั้นมาใช้ให้เหมาะสม เหมือนกับครอบครัวนี้ ที่ธุรกิจของเขาเติบโตขึ้นมาได้เพราะความแตกต่างทั้งหมดของผู้บริหาร

วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เฉาก๊วย MIX ME อร่อยคลายร้อน อิ่มท้องเพื่อสุขภาพ


Bookmark and Share
จากสภาพอากาศในปัจจุบันที่เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน แต่ไม่มีความหนาวเช่นทุกวันนี้ หลายคนดับร้อนด้วยวิธีต่าง ๆ นานา ตลอดจนสรรหาเครื่องดื่มที่ช่วยคลายร้อนมาดับกระหายหลากหลายเมนู และหนึ่งในนั้นขอแนะนำ “เฉาก๊วย MIX ME” เมนูอิ่มท้องและช่วยดับร้อนได้เป็นอย

  

คุณมาสินี พฤฒิรังสี
          เฉาก๊วย MIX ME เมนูสร้างสรรค์โดย “คุณมาสินี  พฤฒิรังสี” หรือ “พี่นี” ที่เกิดปิ๊งไอเดียเมนูเด่นที่ผสมผสานระหว่างเฉาก๊วยกับเครื่องดื่มชาและกาแฟ ได้อย่างลงตัวทั้งรสชาติและแพคเกจจิ้งที่ใส่ความคิดสร้างสรรค์เพิ่มมูลค่า ให้เฉาก๊วย MIX ME มีความน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น          “สมัยก่อนทำงานประจำ และเปิดร้านอาหารอยู่แถวสุขุมวิท ทำร้านอาหารได้ประมาณ 4 ปีพอดีมีปัญหาเรื่องสถานที่เลยหันทำซาลาเปาขายส่งอยู่กับบ้านแทน ทำเป็นซาลาเปาโฮมเมด  ตอนหลังมาได้ร้านที่จตุจักรก็เลยเอาซาลาเปามาขาย  ตอนนั้นขายดีมากแต่ความที่อากาศบ้านเรามันร้อนมาก  ซึ่งซาลาเปาเป็นของกินที่ไม่เข้ากับสภาพอากาศสักเท่าไหร่ ก็เลยเปลี่ยนมาขายอะไรที่เข้ากับสภาพอากาศดีกว่า 
          แต่เดิมพี่ทำน้ำผลไม้และน้ำสมุนไพรขายส่งอยู่แล้ว ก็เลยมาเน้นเรื่องเครื่องดื่มที่คลายร้อน เลยมานึกถึงเฉาก๊วย ซึ่งที่จตุจักรมีร้านขายเฉาก๊วยเยอะมาก แต่เราต้องคิดให้แตกต่างจากคนอื่น ที่สำคัญคือ ต้องแแปลกใหม่ คนทานแล้วอิ่มท้อง เพราะคนที่มาเดินจตุจักรส่วนใหญ่จะไม่ค่อยกินอะไรมากมาย แต่จะดื่มอะไรที่คลายร้อนมากกว่า ก็เลยมาสรุปเป็น “เฉาก๊วย MIX ME””


          เฉาก๊วย MIX ME โดดเด่นที่เฉาก๊วยโบราณมีความนิ่มและนุ่ม เพราะมีส่วนผสมของหล่อฮังก้วย ซึ่ง ช่วยดับร้อนและแก้ร้อนในได้เป็นอย่างดี  พร้อมกับเติมสีสันความอร่อยด้วยเครื่องดื่มหลากชนิด อาทิ น้ำเต้าหู้เพื่อสุขภาพ  ชาเขียว ชานม กาแฟ  น้ำเชื่อมและน้ำตาลทรายแดง ผสมกลมกลืนจนกลายมาเป็น “เฉาก๊วย MIX ME”
           สนนราคาขายสำหรับเฉาก๊วยใส่ชาเขียวราคา 40 บาท หากเป็นชานม กาแฟ น้ำเต้าหู้ราคาแก้วละ 35 บาท   ส่วนเฉาก๊วยใส่น้ำเชื่อมหรือน้ำตาลทรายแดงแก้วละ  25 บาท เรียกว่าอร่อยได้สุขภาพเพราะไม่ใส่สารกันเสีย ทั้งยังสะอาดและอิ่มท้อง
          เฉาก๊วย MIX ME ยังเพิ่มความเก๋ไก๋ดึงดูดความสนใจจากสายตาของลูกค้าด้วย packaging ที่ทันสมัยใส่ไอเดียสร้างสรรค์ จากหนึ่งสมองและสองมือของพี่นี กลายเป็นงานแฮนด์เมดที่น่าสนใจ สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับเฉาก๊วย MIX ME ได้เป็นอย่างดี เรียกว่าโดนใจคนทุกวัยทั้งวัยรุ่น คนหนุ่มคนสาว หรือคนทำงาน


          “ชาวต่างชาติเห็นแพคเกจแล้วชมกันเยอะมาก ว่า good idea  ซึ่งแพคเกจนี้พี่ทำเองด้วยมือทุกขั้นตอน นอกจากจะดึงดูดสายตาลูกค้าแล้วยังดูสะอาด ด้วยความที่เราขายเครื่องดื่มพี่จึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก  พี่จะทำทุกอย่างไปจากบ้าน จะไม่ใช้น้ำก๊อกหรือน้ำประปา แต่จะใช้น้ำกรอง คือเน้นเรื่องความสะอาดมาก
          ชาของเราจะหอมมาก ส่วนน้ำเต้าหู้จะโรยด้วยน้ำตาลทรายแดงเพื่อเพิ่มความหอม พี่จะไม่ใช้น้ำตาลทรายขาวเพราะไม่ดีต่อสุขภาพ จริง ๆ เครื่องดื่มร้านจะขายดีแทบทุกตัว  ความชอบอาจจะแตกต่างกันที่วัย เพราะถ้าเป็นวัยรุ่นก็จะไม่ค่อยทานกาแฟ แต่จะนิยมทานชา พวกชาเขียว ชานม แต่ถ้าเป็นกลุ่มคนรักสุขภาพก็จะเน้นไปที่น้ำเต้าหู้  น้ำตาลทรายแดง ความชอบของลูกค้าจะหลากหลายมาก”

          สุดท้ายนี้พี่นีฝากข้อคิดในการทำธุรกิจไว้ว่า “ถ้าคิดจะทำธุรกิจสิ่งแรกคือ ต้องเลือกทำในสิ่งที่เราถนัดหรือมีความชำนาญก่อน และเลือกทำในสิ่งที่เข้ากับสภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ด้วย ที่สำคัญคือ ต้องไม่ย่อท้อกับอุปสรรค  หากทำแล้วเกิดความล้มเหลวก็ต้องลองทำใหม่ อย่ายอมแพ้  ล้มแล้วต้องลุกขึ้นสู้ใหม่  ไม่ใช่ท้อถอย”
          หากใครสนใจอยากไปลองชิมความอร่อยของ “เฉาก๊วย MIX ME” ที่ช่วยดับกระหายและคลายร้อนทั้งยังอิ่มท้องและดีต่อสุขภาพ  สามารถไปอุดหนุนกันได้ที่จตุจักรโครงการ 3 ซอย 43 เปิดร้านให้ชิมกันเป็นประจำทุกวันเสาร์และอาทิตย์   

อาหารเหนือรสต้นตำหรับจากครัวแม่


Bookmark and Share
ใบหน้าหวานๆ น้ำเสียงใสๆ เชิญชวนให้ผู้ที่ผ่านไปมาในงานออกบูธกับทางช่อง 3 ได้ลิ้มชิมรสอาหารเหนือรสต้นตำหรับจากครัว ‘บ้านน้องอร’ ดังไม่ขาดระยะ เจ้าของร้านคนสวย คุณอรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ทำหน้าที่แนะนำเมนูต่างๆ อย่างขยันขันแข็ง สองเท้าก้าวทันความคิดไม่

  

อรอนงค์
          คุณอรเล่าให้ฟังถึงการเริ่มต้นทำธุรกิจอาหารเหนือ เพราะตัวเองเป็นคนเหนือ และอยากให้คนอื่นได้ทานอาหารเหนือรสชาติเหนือจริงๆ จึงกลับมาคุยกับที่บ้านจะทำร้านอาหารเหนือ ทุกคนก็เห็นด้วยเพราะเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับครอบครัว กอรปกับคุณอรมีพี่น้องหลายคนแต่ละคนก็มีความรู้ความสามารถในการทำอาหารเหนือ เป็นทุน จึงทำให้มีขุนพลในการดูแลและบริหารธุรกิจนี้ได้อย่างสบาย
          เมนูอาหารที่คุณอรนำมาเป็นเมนูเด่นของร้านได้แก่ ขนมจีนน้ำเงี้ยว, ข้าวซอยน่องไก่ ,แกงฮังเล โดยมีเมนูเด็ดคือ “ไส้อั่ว” จะเน้นเรื่องสมุนไพรซึ่งจะทำให้ได้ไส้อั่วที่ไม่มันมาก ใช้การย่างแบบเตาถ่าน ทานไปจะได้กลิ่นกรุ่นสมุนไพร เครื่องเทศต่างๆ คุณอรเดินทางไปเลือกสรรจากเชียงใหม่ เพราะต้องการความเป็นต้นตำหรับ ซึ่งคุณอรบอกว่าการเลือกสรรวัตถุดิบในแหล่งกำเนิดจะทำให้คงรสชาติของอาหาร ให้ได้เหมือนต้นตำหรับมากที่สุด


          อย่างไส้อั่วสมุนไพร จะเน้นใช้สมุนไพรไทยที่มีทั้งสรรพคุณตัวยามากมาย ใครที่ชอบทานผักก็จะถูกใจเมนูนี้มาก แล้วที่สำคัญไส้อั่วของเราไม่มีหมู ทำเป็นขนาดพอคำให้ทานได้สะดวก สาวๆคนไหนที่ต้องการควบคุมอาหารก็สามารถทานได้ไม่ต้องห่วง
          ในตอนท้ายคุณอรฝากถึงผู้ที่ต้องการจะทานอาหารเหนือ จากครัวบ้านน้องอร สามารถโทรสั่งได้ โดยมีจำนวนในการสั่งขั้นต่ำ 50 ชุด จะมีบริการส่งฟรีถึงบ้าน หรืออีกทางหนึ่งก็ตามงานออกบูธ หลักๆ ก็มีที่ช่อง 3เค้าให้ดาราไปออกทุกต้นเดือนของวันพฤหัส-ศุกร์ เพราะเธอบอกว่าไม่อยากมีหน้าร้าน เคยมีแล้วไม่ประสบความสำเร็จจากการทำร้าน ต้องบริหารคนด้วย และบางครั้งประเภทของอาหารที่เรามีอยู่มันก็ไม่มากพอที่จะให้ลุกค้าเลือกได้ ตามใจ เพราะฉะนั้นก็เลยคิดว่าเอาเท่าที่เราไหว เราทำได้ และที่บ้านช่วยกันดูแลได้ไม่ใหญ่โตแต่สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสั่งซื้ออาหารได้ที่เบอร์ 085-555-1083   

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

Sugar Lust Café & Bistro ร้าน บ้านเพื่อน คิว วงฟลัว


Bookmark and Share
บ้านสีขาวหลังเล็กสถาปัตยกรรมในยุค 80’s อิงแอบอย่างถ่อมตัวในซอยสุขุมวิท 26 ถูกปรับแต่งให้กลายเป็นร้านอาหารขนาดน่ารัก พร้อมให้ชื่อเรียกขานว่า “Sugar Lust Café & Bistro” ร้านอาหารชื่อหวานที่คุณคิวและเพื่อน ๆ รวมตัวกันก่อร่างสร้างมาสำ

  
          ความเรียบง่ายของร้านซ่อนดีเทลการตกแต่งและเสน่ห์เชิญชวนให้เราเข้าไปสัมผัส อย่างน่าหลงใหล พื้นไม้ปาเกต์ขัดเงานำพาเราไปรู้จักส่วนต่าง ๆ ของร้าน ทั้งหมดตกแต่งด้วยความเรียบง่ายหลากหลายอารมณ์ผสมผสานกันอย่างลงตัว เฟอร์นิเจอสไตล์สแกนดิเนเวียนตัวเอกของร้านช่วยส่งให้อาคารเก่ายุคนั้นดู อบอุ่นขึ้นมา อารมณ์ของร้านจึงดูเหมือนบ้านมากกว่าร้านอาหาร ด้วยคอนเซ็ปต์ที่วางไว้คือ อยากให้ทุกคนที่มาทานข้าวที่ร้านรู้สึกเหมือนมานั่งทานข้าวในบ้านเพื่อน
          ในช่วงเวลากลางวันบรรยากาศของร้านจะเป็นร้านกาแฟแบบชิล ๆ มีกาแฟหอมกรุ่นหลากหลายรสชาติให้ได้ลิ้มลอง อาทิ Sugar Lust coffee, Rasberry Honey, smoothy เสิร์ฟพร้อมกับขนมเค้กรสนุ่ม Banoffee Pie, Carrot Cake ส่วนมื้อเย็นบรรยากาศของร้านอาหารก็จะเริ่มแผ่ปกคลุมคุณและเพื่อน ๆ สามารถมานั่งชิล ๆ ละเลียดบรรยากาศไปได้ถึงเที่ยงคืนพร้อมเมนูเครื่องดื่มและอาหารที่คุณเลือก สรรได้ตามต้องการ เมนูแนะนำของร้านได้แก่ ลาบหมูทอด รสแซบความนุ่มของหมูบวกกับการปรุงรสด้วยสูตรของทางร้านทำให้ได้รสชาติความ อร่อยแตกต่างจากที่อื่น พาสต้าคาโบนาร่า เส้นพาสต้านุ่ม ๆ ฉ่ำด้วยชีสหอมกรุ่นกับเบคอนนุ่มลิ้น อีกเมนูคือ อกเป็ดเกยตื้น เนื้อเป็ดนุ่ม ๆ ราดด้วยซอสที่พ่อครัวพิถีพิถันในการปรุงรสให้เข้ากับเนื้อเป็ด เมนูนี้เป็นเมนูใหม่ที่ทางร้านเต็มใจนำเสนอ


          ร้านเปิดให้บริการตั้งแต่ 11 โมงเช้า เรื่อยไปจนถึงเที่ยงคืน ใครที่อยากไปนั่งทำงาน อ่านหนังสือ ทานกาแฟพร้อมขนมเค้กแสนอร่อยในสไตล์แบบ Chic Chic เล่น Internet WiFi ก็สามารถไปนั่งชิลเอาต์กันได้ทั้งวัน หรือจะเปลี่ยนบรรยากาศเป็นแฮงก์เอาต์กับพ้องเพื่อนก็สามารถทำได้ในร้านนี้ โทร.สอบถามเส้นทางหรือข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 08-4011-4115 

Caffe D'Oro กาแฟไทย มาตรฐานสากล รับม.3-ป.ตรี ทุกสาขา

เช้า แล้วถ้าได้กาแฟสักถ้วยก็คงจะดี…นี่คือหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของผู้ที่หลง ไหลกับรสและกลิ่นของกาแฟ ณ ปัจจุบันกาแฟเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยสังเกตได้จากร้านกาแฟซึ่งผุดขึ้นเหมือนกับดอกเห็ด และแน่นอนว่าเรื่องรสชาติแต่ละร้านก็จะต้องหาจุดยืนของตัวเองเพื่อดึ
  

          วันนี้ เรามีร้านกาแฟไทยแต่มาตรฐานสากล มานำเสนอ Caffe D Oro (ดิโอโร่)ภายใต้การบริหารงานของบริษัท โกลเด้นครีม จำกัด ซึ่งคุณนิรมล ศรีสุรินทร์ Executive Director ให้ความกระจ่างถึง Caffe D Oro ว่า           Caffe D Oro เป็นร้านกาแฟ ซึ่งเกิดมาประมาณ 9 ปีแล้วค่ะ มีสาขาอยู่ประมาณ 60 สาขา  ทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล  คอปเซ็ปของร้านกาแฟเรา จะเป็นสไตล์อิตาเลียน และคอนเซ็ปอีกอย่าง จะเป็นลักษณะ Family Coffee House คือเราไม่ได้เสิร์ฟแต่กาแฟอย่างเดียว เราจะเสิร์ฟตั้งแต่น้ำผลไม้  เค้ก สำหรับทุกคนในครอบครัว และมีเมนูสำหรับเด็กด้วย อาทิ โกโก้เย็น โกโก้ร้อน สำหรับคุณผู้หญิงที่ไม่ชอบดื่มกาแฟ เราก็มีสมูทตี้ไว้บริการ
          เหตุผลที่เราเลือกธุรกิจกาแฟนั้น จริง ๆ แล้วดั้งเดิมเราก็คลุกคลีกับธุรกิจกาแฟมานานมาก ในลักษณะทำธุรกิจกาแฟส่งออก และมีอีกหนึ่งบริษัทที่ดูแลเรื่องกาแฟคั่ว ซึ่งเราก็ทำธุรกิจกาแฟแบบครบวงจรมาตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจจนมาถึงกาแฟใน แก้วเดียว
          บริษัทเริ่มต้นมาจากการดำเนินธุรกิจกาแฟแบบครบวงจร โดยใส่ใจตั้งแต่การคัดสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพจากแหล่งผลิต ที่ทางบริษัท เป็นผู้ส่งเสริมและวางรากฐานการปลูกกาแฟให้กับชาวเขา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ได้เมล็ดกาแฟที่ได้คุณภาพและส่งเข้ามายังโรงงาน คั่วเมล็ดกาแฟของบริษัทที่ทันสมัย เป็นผลผลิตที่ได้มาตราฐานเทียบ เท่ากับต่างประเทศ
          โดยส่งผ่านบรรยากาศที่อบอุ่นและบริการที่เป็นกันเอง กับขั้นตอนการชงที่พิถึพิถันอย่างมืออาชีพในร้านดิโอโร่ เพื่อให้ คนไทยได้ลิ้มรสถึงรสชาติความอร่อย กลิ่นหอมของกาแฟคุณภาพดี ฝีมือคนไทย ในราคาที่เหมาะสม
          รวมทั้งเพื่อตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ ทางร้านยังเพิ่มรูปแบบการบริการ ทั้งการจัดคอฟฟี่เบรก และบริการรับทำเค้กปอนด์ สูตรอร่อยเพื่อโอกาสพิเศษต่างๆ แถมยังมีสินค้าคุณภาพอื่น ๆ ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ เช่น กาแฟคั่วบด ดิโอโร่ และ ชา สมุนไพร (Herb Tea)
          ด้วยการออกแบบร้าน ดิโอโร่ ที่มี เอกลักษณ์ เฉพาะตัวกับ บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา และดูอบอุ่น ดิโอโรจึงกลาย เป็นสถานที่ที่เติมเต็มความสุขในการดื่มกาแฟ ทานของว่าง อ่าน หนังสือหรือจะใช้เป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ในหมู่เพื่อนฝูง คู่รัก และ ครอบครัว ที่ตอบสนองทุกความต้องการได้อย่างลงตัวที่สุด
          จุดประสงค์แรกเริ่มเพื่อที่จะรองรับนักเดินทาง เพราะก่อนหน้านี้เราไปต่างประเทศ จะเห็นได้ว่าทุกจุดเขาจะมีร้านกาแฟ ซึ่งตอนนั้นบ้านเรายังล้าสมัยอยู่ จึงเกิดความคิดว่าเราน่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน ประกอบกับมีโอกาสคุยกับปั้มน้ำมัน Shell ซึ่งทาง Shell ได้ให้การต้อนรับเราดีมาก จึงกลายเป็นมี Shell ที่ไหนมี Caffe D Oro ที่นั่น

           ในสภาวะเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบัน เชื่อได้ว่าทุกธุรกิจจะต้องได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย สำหรับ Caffe D Oro ก็มีผลกระทบด้วยเช่นเดียวกัน คุณนิรมล บอกว่า
          ผลกระทบที่ Caffe  D Oro เจอนั้นในแง่ของยอดขาย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเราก็ต้องสู้ ในแง่ของการทำโปรโมชั่น การทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายไปในตัว
          นอกจากนี้การขยายธุรกิจของ Caffe D Oro ยังเป็นไปในรูปแบบของแฟรนไชส์ ซึ่งคุณนิรมล เปิดเผยว่า หลังจากที่  Caffe  D Oro ดำเนินธุรกิจมาได้ระยะหนึ่ง และชื่อเป็นที่รู้จัก มีหลายคนเข้ามาสอบถามและอยากได้สูตรสำเร็จเพื่อไปเปิดเป็นธุรกิจของตัวเอง บริหารงานเอง โดยไม่อยากที่จะเริ่มต้นเอง ทางเราก็ยินดีที่จะให้บริการในรูปแบบของแฟรนไชส์ ช่วยเขา Set Up เพื่อดำเนินธุรกิจต่อไปได้
          เนื่องจากเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในช่วงนี้ เราไม่เร่งรีบสำหรับการขยายแฟรนไชส์ ซึ่งทุกคนก็ระมัดระวังกับการทำธุรกิจ อีกอย่างร้านกาแฟก็มีคู่แข่งขันเยอะ การที่เขาจะเปิดสาขาและมีกำไรได้นั้นจุดนี้สำคัญ การคาดคะเนอนาคตว่ามีใครดักหน้าดักหลังหรือไม่ก็สำคัญ ถ้าทำไปแล้วธุรกิจไม่มีกำไรเขาก็จะหดหู่ และเกิดอาการท้อกับการทำธุรกิจ
          แต่ถึงกระนั้นต่อให้ภาวะเศรษฐกิจเป็นเช่นไร การขยายธุรกิจก็ยังคงมีต่อเนื่อง Caffe  D Oro เองก็เช่นเดียวกันยังคงเปิดรับพนักงานเพิ่มเป็นจำนวนมาก
          ตอนนี้เราเปิดรับพนักงานเพิ่ม เพื่อทดแทนอัตราที่ว่างและเพื่อไปรองรับกับสาขาใหม่ที่เปิดด้วย ซึ่งตำแหน่งที่เปิดรับ จะมีพนักงานหน้าร้าน ผู้จัดการ อีกทั้งเรายังรับผู้จัดการฝึกหัดเพี่อฝึกให้เขาได้เป็นผู้จัดการ บริหารคนอื่นได้
          ตรงนี้เราจะรับเป็นรุ่น ๆ ละ 10-20 คน เพื่อเวลามาเรียนจะได้เรียนเป็นกรุ๊ป แน่นอนว่าพนักงานที่เปิดรับจะต้องมีคุณสมบัติรักการบริการ และต้องทำงานเป็นกะได้
          สุดท้ายคุณนิรมล ฝากกำลังใจถึงคนที่ว่างงานว่า  ภาวะเศรษฐกิจซบเซาแบบนี้ เป็นภาวะที่ทำให้ทุกคนต้องระมัดระวัง อยากให้ทุกคนระลึกว่าเมื่อมีมาก็ต้องมีไป อีกไม่นานต้องมีทางฟื้นขึ้น ทุกอย่างต้องผ่านมาได้ ปีนี้โลกมันหมุนเร็วนะค่ะ เปอร์เซนต์จะกลับได้ เร็วกว่าช่วงปี 40 อีก อยากขอให้พวกเราระมัดระวังและอดทน สู้ สู้ 
          ถ้าคุณรู้จักแล้วจะรัก Caffe D Oro

          ตำแหน่งที่เปิดรับ
         
1.ผู้จัดการร้านฝึกหัด          -วุฒิปริญญาตรี ทุกสาขา
         
2.พนักงานประจำร้านกาแฟ          -เพศหญิง อายุ 18-30 ปี
          -วุฒิ ม.3 ขึ้นไป
          -มีใจรักงานบริการ สามารถทำงานเป็นกะได้ ขยัน ซื่อสัตย์ มีไหวพริบ และมีความรับผิดชอบ
          -หากมีประสบการณ์ด้านการขายและบริการจะพิจารณาเป็นพิเศษ
          ผลตอบแทนและสวัสดิการ
          -เงินเดือน,Incentive ตามยอดขาย
          -กองทุนสะสมเลี้ยงชีพ
          -เบี้ยเลี้ยงกรณีไปช่วยงานสาขาอื่น
          -สวัสดิการทานกาแฟฟรี,
          -ฝึกอบรมตลอดทั้งปี
          -ค่ารักษาพยาบาลรายปีและสวัสดิการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด
          -O.T.
          -ชุดยูนิฟอร์ม
          -โบนัสประจำปี,ปรับเงินเดือนประจำปี
          สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ บริษัท โกลเด้นครีม จำกัด เลขที่ 726-728 ซ.รัชดาภิเษก 7 ถ.รัชดาภิเษก(ท่าพระ-ตากสิน)แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กรุงเทพฯ 10600 โทรศัพท์ 0 2876 1213-5 โทรสาร 0 2876 1216 www.caffe-d-oro.com E-mail:suphitchaya-hr@vppcoffee.com หรือสมัครได้ที่ ร้าน Caffe D Oro ทุกสาขา



วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

การคัดคนเข้าทำงาน 4 บริษัทดัง กสิกรไทย ซีพี ปตท. และปูนซิเมนต์ไทย

  

          “ปูนซิเมนต์ไทย”   คว้ารางวัลความเป็นเลิศด้านการจัดการทรัพยากรบุคคล (Human Resource Management Excellence)  1 ใน 8 ความเป็นเลิศที่มีการมอบรางวัลให้กับองค์กรดีเด่นของไทย หรือ “Thailand Corporate Excellence Awards 2009”  โดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)  ร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
          นอกเหนือจากปูนซิเมนต์ไทยแล้ว มีองค์กรระดับแถวหน้าของเมืองไทยที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลความเป็น เลิศด้านการจัดการทรัพยากรบุคคลอีก 4 องค์กร ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
          ในวันประกาศผลและมอบรางวัล ทุกบริษัทยกเว้นโตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับคีย์ซัคเซส หรือหัวใจของความสำเร็จด้านการบริหารคนภายในองค์กร รวมไปถึงแนวทางการคัดเลือกบุคลากรเข้าร่วมงาน


          “ปูนซิเมนต์ไทย” เชื่อมั่นคุณค่าของคน          คุณกิติ มาดิลกโกวิท ผู้อำนวยการสำนักงานการบุคคลกลาง บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG กล่าวว่าความโดดเด่นด้าน HR ของ SCG เชื่อมโยงกับอุดมการณ์การทำธุรกิจของบริษัท 4 ข้อ คือ ตั้งมั่นในความเป็นธรรม มุ่งมั่นในความเป็นเลิศ เชื่อมั่นคุณค่าของคน และถือมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นสิ่งที่สะท้อนสู่ภายนอก และถูกหยิบยกขึ้นมานำเสนอทุกครั้งที่คนในองค์กรมีโอกาสสื่อความกับบุคคลภาย นอก ในฐานะวิทยากร หรือบอกเล่าสู่ผู้คนที่มาดูงานที่ SCG
          “SCG ดำเนินธุรกิจย่างเข้าปีที่ 97 ใช้อุดมการณ์การทำธุรกิจนี้มาตลอด และงาน HR ปรากฏชัดเจนในข้อสาม คือ เชื่อมั่นคุณค่าของคน  SCG ปลูกฝังให้กับพนักงานทุกคนที่เข้ามา และเป็นเกณฑ์ใช้วัดการดูแลพนักงานและการเติบโตในองค์กร”
          คีย์ซัคเซสอยู่ตรงที่ SCG พยายามทุกอย่างที่จะทำหรือพิสูจน์ให้เห็นภาพว่าบริษัททำจริง เพื่อให้พนักงานเข้าใจและสัมผัสได้ว่าบริษัทเชื่อมั่นคุณค่าของคน โดย SCG มีหลักพื้นฐานการบริหารทรัพยากรบุคคลที่ชัดเจน หรือ HR basic Principle เช่น จรรยาบรรณในการทำงาน การสรรหาพนักงาน การสร้างคนด้วยวิธีการที่เหมาะกับวัฒนธรรมของธุรกิจ  และการพัฒนาคนทุกระดับอย่างต่อเนื่อง 
          หัวใจข้อต่อมาคือการที่ Line Manager เข้ามามีส่วนร่วมในงาน HR โดยมีซีอีโอเป็น role model เรื่องการดูแลพนักงาน เห็นได้จากงาน HR  ที่ถูกรายงานตรงกับกรรมการผู้จัดการใหญ่
          “ทุกเรื่องที่ทำในscg ต้องเป็นเรื่องที่ทำได้จริง ถ้ามีปัญหา อุปสรรคก็ยกเลิก ไม่ต้องกลัวว่าเสียหน้า แต่วิธีป้องกันไม่ว่าจะออกหรือเปลี่ยนอะไรสักเรื่อง ต้องโรคโชว์ ถามความเห็น ว่าเรื่องนี้เอาไปทำแล้วไม่มีปัญหา”
          SCG มีพนักงานที่ทำงานการบุคคลอยู่ 500 คน ได้รับการยอมรับจาก management มีคณะทำงานด้านวิชาชีพ โดยมี president ของธุรกิจเป็นประธาน และมีการแลกเปลี่ยนความสำเร็จจาก practice ทำให้งาน HR ของ SCG เติบโตและเป็นที่ยอมรับ
          เมื่อการทำงานของ HR ยึด core value เป็นหลัก ไม่ว่าพนักงานเจเนอเรชั่นไหน ไม่ว่าคนไทย หรือต่างชาติ (ปัจจุบัน SCG มีพนักงานคนไทย  26,500 คน และชาวเวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ 3,500 คน) ทุกคนอยู่ภายใต้บรรยากาศการทำงานบนพื้นฐานเรื่องแรงงานสัมพันธ์ และเปรียบพนักงานเหมือนครอบครัวเดียวกัน 
          “กสิกรไทย” เข้าใจความต้องการพนักงาน          คุณสมเกียรติ ศิริชาติไชย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) มั่นใจว่าที่ผ่านมา HR สามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่เป็นพาร์ตเนอร์ชิพที่ดีกับธุรกิจ โดยเฉพาะในช่วง 4-5 ปี HR มีส่วนผลักดันกับการปรับภาพลักษณ์องค์กรให้เป็นรีเทลแบงก์กิ้ง
          สิ่งที่ HR มองมีสองเรื่องใหญ่คือ ความต้องการขององค์กรและความต้องการของพนักงาน
          “อะไรเป็นความต้องการขององค์กรและอะไรเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญ” เป็นโจทย์ที่ HR ต้องรู้ทิศทางที่องค์กรกำลังก้าวเดิน รวมถึงความสามารถหลักที่องค์กรมี 4 ด้าน ได้แก่ ความสามารถในการเข้าใจลูกค้า ความสามารถในการออกผลิตภัณฑ์และการบริหารผลิตภัณฑ์และบริการ ความสามารถในการขายและการบริการ และความสามารถในการบริหารความเสี่ยง เพื่อกำหนดกลยุทธ์ต่อไปว่า position หรืองานแบบไหนที่ส่งผลโดยตรงต่อความสามารถขององค์กร
          ด้านความต้องการของพนักงาน มีการทำโฟกัสกรุ๊ป ทำความเข้าใจพนักงาน รับฟังผลตอบรับตลอดเวลาว่าพนักงานต้องการอะไร
          หลังจากนั้นจึงนำความต้องการทั้งสองส่วนประเมินในแง่จำนวนพนักงาน ความสามารถ เพียงพอหรือไม่ และเมื่อมีพนักงานมากพอ เขามีแรงจูงใจพอไหม commitment พอไหม อะไรมีผลต่อแรงจูงใจ และถ้ามีคนเก่ง มีความตั้งใจระบบและวัฒนธรรม ช่วยเสริมให้คนทำงานร่วมกันได้ดีไหม มีประสิทธิภาพไหม มีความคล่องตัวแค่ไหน
          งานของ HR จึงถูกปรับให้สอดคล้องกับ action plan และธุรกิจแต่ละ segment โดยบทบาท HR เป็นเหมือนศูนย์กลางของทุกเรื่องในองค์กร สามารถพูดภาษาธุรกิจได้ เข้าใจความต้องการและพร้อมทำงานหนักเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจ 
          “เครือซีพี” สร้างศรัทธาให้รักในงานที่ทำ          คุณเนาวรัตน์ บำรุงจิตต์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด หรือเครือซีพี ยึดแนวทางเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ที่มองการสร้างคน ไม่เพียงสร้างประโยชน์ให้องค์กร แต่หมายถึงการสร้างประโยชน์ต่อแผ่นดิน ประชาชน และประเทศชาติ
          กลยุทธ์ HR ถูกกำหนดเพื่อตอบคำถามว่า “คนที่สร้างขึ้นมาจะสร้าง performance ให้องค์กรอย่างไร และจะรักษาคนมีฝีมือไว้อย่างไร” 
          สูตรสำเร็จของซีพีในการสร้าง talent ให้ความสำคัญกับคนภายในเป็นอันดับต้น ๆ เพราะเชื่อว่าความรักองค์กรจะส่งผลถึงการเพิ่ม productivity ได้
          “ปัจจัยความสำเร็จคือการให้โอกาสคนรุ่นใหม่แสดงความสามารถอย่างจริงจัง และการสร้างพนักงานไม่ใช่เพื่อทดแทน แต่สร้างเพื่อรอสร้างธุรกิจใหม่ที่ก้าวไปในต่างประเทศและเติบโตอย่างไม่หยุด ยั้ง อีกความสำเร็จคือการสร้างศรัทธาของคนให้มีความรักในงานที่ทำ ให้เขาได้ใช้โอกาสแสดงออก”
          คุณเนาวรัตน์ ยังได้ยกคำพูดของผู้นำที่กล่าวไว้เสมอว่า “เราพอใจได้แค่วันเดียว” หมายความว่าจะต้องมีการพัฒนาตลอดเวลา การมีผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของซีพี ซึ่งให้ความสำคัญกับการสร้างคน นับเป็นแบบอย่างการทำงานของผู้นำที่มีความทุ่มเท และสามารถถ่ายทอดประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่น
          “ธุรกิจของซีพีเกี่ยวเนื่องกับฟ้าดิน มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราจะทำอย่างไรให้คนของเราเรียนรู้ที่จะเปลี่ยน   เรียนรู้ที่จะหาโอกาสในการพัฒนาและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ คือความท้าทายของเรา เราต้องสร้างคนของเราให้ dynamic ข้ามอุปสรรคและฝ่าฟันอุปสรรคตลอดเวลา ใช้ความสามารถหลักผสมผสานกับความสามารถใหม่ ๆ ต้องมี flexiblie learning โดยผู้นำในระดับที่สูงขึ้นไป ต้องพร้อมที่จะรับฟัง”
          “ปตท.” สร้างคนเพื่อความสำเร็จองค์กร          คุณปิติพันธ์ เทพปฏิมากรณ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรัพยากรบุคคลและศักยภาพองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ชี้ให้เห็นเป้าหมายของ HR มองไปถึงผลลัพธ์สุดท้ายคือความสำเร็จขององค์กร ซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะมีคนเก่ง ดี มีความสามารถ และมีความสุขในการทำงาน
          การทำงานของ HR จากเดิมที่เป็นไปตามขั้นตอน ระบบ แบบแผน ตอบสนองความต้องการของธุรกิจ วันนี้ต้องเข้าใจธุรกิจมากขึ้นว่าต้องการอะไร และ HR จะตอบสนองได้ดีแค่ไหน
          “Strategic Partner พูดง่าย ทำยาก ต้องใช้กระบวนการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง วิ่งเข้าหาลูกค้า เก็บความต้องการ รับ complain และพยายามหาโซลูชั่นให้ เป็นสิ่งที่ต้องทำร่วมกันระหว่างฝ่ายทรัพยากรบุคคลและฝ่ายบริหาร  ถ้าเข้าใจหลักการตรงกัน ก็สามารถเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่กำหนดได้”
          “ในอดีตต้องการคนลักษณะไหนก็จะถามที่ HR แต่วันนี้การเปิดพื้นที่ใหม่ในการทำธุรกิจ เจ้าของพื้นที่ต้องมีโจทย์ว่าต้องการคนแบบไหน  โจทย์นี้ HR ต้องมาหาคนต้นแบบ พัฒนาไปสู่จุดนั้นให้ได้ เป็นกลไกสำคัญที่ฝังไปใน organization ในหลายปีที่ผ่านมา และต้องทำต่อเนื่องให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ”
          คงไม่อาจปฏิเสธว่าความสำเร็จของงาน HR การสร้างความเข้าใจและเกิดผลบวกในภาพรวม ขึ้นอยู่กับความร่วมมือตั้งแต่ระดับสูงสุดไปจนถึงพนักงาน ภายใต้วัฒนธรรมองค์กรที่สอดคล้องกับเวลา
          “ปตท.มีพนักงาน GenY 17%  และมีคนที่จบปริญญาโทครึ่งหนึ่ง ประเด็นต่างวัยคงมี จุดยึดคือ core value คนต่างกันอยู่สังคมเดียวกันได้ สิ่งสำคัญทำให้เขารักองค์กรได้ไหม ตอน orientation ทำให้เขาเห็นภาพ  ให้เขามีความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาในองค์กร เขาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างองค์กรได้อย่างไร”

แนวทางการเลือกคนเข้าทำงาน
คุณกิติ มาดิลกโกวิท ผู้อำนวยการสำนักงานการบุคคลกลาง บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
          “SCG ไม่ได้มีวิธีการสลับซับซ้อน ขั้นแรกผ่านหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยให้สถาบันการศึกษากลั่นกรอง ได้ GPAตามที่ระบุ ขั้นสองการสัมภาษณ์เป็นหัวใจสำคัญของการคัดเลือกก โดยให้ Line Manager สัมาภาษณ์เอง เดี๋ยวนี้ตำราการเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์มีเยอะ พูดอะไรก็ได้ให้ประทับใจ แต่ในขั้นที่สามคือการทดลองงาน 180 วัน จะเป็นช่วงพิสูจน์ว่าจะผ่านหลักเกณฑ์ เหมาะกับเราจริงหรือไม่ การทดลองงานเป็นเครื่องมือสำคัญของ Line Manager ดูเรื่องการวางตัวและ core value ไปกับบริษัทได้ไหม มีความเหมาะสมกับงานที่ทำหรือไม่ ต้องตัดสินใจว่าจะรับไว้ต่อไปไหม เพราะจากนี้ไปคือการลงทุนแล้ว ต้องสอนงาน ต้องเติบโต และต้องดูแลเรื่องเงินเดือน”
คุณสมเกียรติ ศิริชาติไชย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
          “กสิกรไทยดู 4 ประเด็น can do มีความรู้พื้นฐานเหมาะกับงาน มีประสบการณ์ will do รับงานกดดันได้ไหม งานแบงก์กิ้งเดี๋ยวนี้เป็นทั้งเซลส์และเซอร์วิส อาจต้องมี check list วัดว่าเหมาะกับงานที่ทำหรือไม่ มี potential ไหม การรับพนักงานมาที่สาขา อนาคตจะโตถึงขั้นผู้จัดการได้ไหม มีการเทสต์รูปแบบต่าง ๆ การทำงานร่วมกับผู้อื่น มี learning ability  มีความสามารถที่จะเรียนรู้ด้วยความรวดเร็ว สุดท้ายที่ดู fit to organization กสิกรไทยเน้น 3 ประเด็นหลัก เรื่องลูกค้า ต้องตอบโจทย์ ลูกค้าได้อะไร ไม่ว่าหลังบ้านหรือหน้าบ้าน เราจะวัดว่าเขามีทัศนคติแบบนั้นไหม ประเด็นต่อมาเขามีความเป็นทีมไหม คนเก่งเราอยากรับเข้ามา แต่อยากได้ทีมงานที่เก่ง และต้องมี achievement drive  ความกัดติด พร้อมทำงานให้ประสบความสำเร็จ”
คุณเนาวรัตน์ บำรุงจิตต์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด           “คงดูโหงวเฮ้งทุกคนไม่ได้ เพราะค่าใช้จ่ายแพง แต่ต้องหาเครื่องมือจับความฉลาดให้มากที่สุด  คนที่รับผิดชอบไม่สูง สร้างความยิ่งใหญ่ไม่ได้ คนที่ไม่เสียสละสร้างความยิ่งใหญ่ไม่ได้ คนที่ไม่พยายามอย่างไม่ลดละก็สร้างความยิ่งใหญ่ไม่ได้ คนที่ใจไม่กว้าง  ไม่ซื่อสัตย์ สร้างความยิ่งใหญ่ไม่ได้ เป็นพื้นฐานการคัดคนในกลุ่มซีพี” 

คุณปิติพันธ์ เทพปฏิมากรณ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรัพยากรบุคคลและศักยภาพองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
          “ปตท.มีพนักงาน 12,000 คน คนที่องค์กรต้องการมาจากทิศทางขององค์กรข้างหน้า เป็นองค์ประกอบการจัด profile พนักงาน คนใหม่ดูยากว่าดีหรือไม่ดี แต่ดูว่ามีสติปัญญาในเกณฑ์ที่พอใจ โดยใช้ทีม HR และทีมพื้นที่ดูความสามารถ  หลังจากที่ได้คนมีพื้นฐานดี ก็เข้าสู่กระบวนการสร้างและหล่อหลอม”